รีวิว พิชิตยอดเขาช้างเผือก บ้านอีต่องปีล็อกกาญจนบุรี เขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พร้อมภาพสวยๆและวิธีการเอาตัวรอด
KaoChangPuak Kanchanaburi Thailand
กลับมารีวิวอีกครั้งทริปแรกปี 2015 วัดใจที่ สันคมมีด
เขาช้างเผือก
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กาญจนบุรี ดูรูป เขาช้างเผือก เพิ่มเติม ที่นี่
เราจะไม่อธิบายกับที่นี่มากเนอะ แต่จะมาพูดเรื่องเตรียมตัวกัน
ดีกว่าว่าต้องทำไงบ้างถึงจะไปตะลุยที่เขาช้างเผือกได้ แล้วมันโหดจริงเปล่า
ผู้หญิงไปเที่ยวได้ไหม เราจะอธิบายทีละอย่างเนอะ เริ่มแรกที่เขาช้างเผือกเปิดแค่ไม่กี่เดือน
แล้วแต่สภาพอากาศ หรือว่าบางทีก็ประกาศปิดเพราะสภาพอากาศไม่ดี ถือว่าวัดดวงมากๆ
ปีที่ไป อุทยานเปิดตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2557 - 31 มกราคม 2558
แล้ววิธีการจองคือ โทรไปจองล่วงหน้าไม่เกิน 7 วัน
พอจองได้แล้วสิ่งที่ต้องเสียเงินมีค่าอะไรบ้าง
1.ค่าเจ้าหน้าที่ 2.ค่าลูกหาบกิโลกรัมละ 30 บาท 3.ค่าเดินทาง
นอกนั้นก็พวกของกินหรืออื่นๆแล้วแต่ สิ่งที่ต้องเตรียมไปมีอะไรบ้าง ที่แนะนำเลยนะ
1.เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวไว้สำหรับเดินขึ้นเดินลงเอาแบบเดินถนัดๆนะ
2.หมวกกันแดด 3.ถุงมือไว้สำหรับปีนเขาหรือจำเชือก 4.เสื้อกันลมอันนี้แนะนำพอเริ่มมืดลมยิ่งแรง
5.เสื้อกันหนาวนี่แล้วแต่เลย 6.ทิชชู่ ทิชชู่เปียกข้างบนไม่มีน้ำอาบ ห้องน้ำมีแต่ส้วมหลุมนะคะ
7.ผ้าถุงสำหรับผู้หญิงเพื่อความสะดวกในการทำธุระส่วนตัว 8.ยาต่างๆเผื่อฉุกเฉิน
9.น้ำเปล่านี่ต้องใช้เยอะอยู่ขนาดเรากินน้ำน้อยยังหมดไปหลายขวดเลย ระหว่างเดินมันร้อนมาก
10.รองเท้าผ้าใบแนะนำเลยเอาแบบพื้นดีๆกันลื่นและไม่กัด
11.อุปกรณ์ไฟฉาย แบทมือถือสำรอง 12.อุปกรณ์อาบน้ำเผื่อตอนขากลับ
ตอนที่เราไปเราไปกะทัวร์ Doubleenjoy จะมีบ้านไว้เตรียมตัวขึ้นอยู่ตรงทางลงเขาช้างเผือก
มีที่อาบน้ำห้องน้ำแล้วเราก็ทานข้าวต้มก่อนขึ้นไประหว่างรอพี่บีไกด์ผู้น่ารักและเฮฮา
เตรียมข้าวกลางวันให้ ราคา 3200 บาทต่อคน รวมรถไป-กลับ กรุงเทพ อาหาร 5 มื้อ
ค่าเจ้าหน้าที่กับค่าลูกหาบส่วนกลาง มีเต้นท์และถุงนอน
ส่วนใครที่ไปเองที่นู้นมีเต้นท์กับถุงนอนให้เช่านะ
ในรูปคือหมู่บ้านอีต่องจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ หมู่บ้านชาวพม่า และโฮมสเตย์ไว้
สำหรับคนที่มาพักก่อนแล้วตอนเช้าค่อยเดินขึ้นเขาช้างเผือก
พอถึงเช้าวันที่จะไปสิ่งแรกที่ทำคือไปลงทะเบียนที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเพื่อขึ้นเขาช้างเผือก
เสร็จแล้วก็มารวมตัวที่หมู่บ้านอีต่องรอพี่เจ้าหน้าที่พาขึ้นระหว่างนั้นก็หาอะไรทาน
หรือใครอุปกรณ์ไม่ครบก็ซื้อได้ที่นั่นมีหมวก มีถุงมือขาย ราคาไม่แพงด้วย
หมวกที่ใส่อยู่ใบละ 100 บาท ส่วนถุงมือคู่ละ 30บาทค่ะ
พออุปกรณ์พร้อมเราก็เตรียมตัวเดินทางไปเขาช้างเผือกได้
จะมีป้ายบอกว่าไปเขาช้างเผือก 8 กิโลเมตร แต่พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าเริ่มนับจาก
ป้ายเขาช้างเผือกข้างใน เพราะฉะนั้นเราต้องเดินไปหาป้ายก่อนประมาณ 1-2 กิโลเมตร
แต่ก่อนเดินทางเราเก็บรูปกับพี่เจ้าหน้าที่ไว้เป็นที่ระลึกก่อนค่ะ
นี่คือทัวร์กรุ๊ปเดียวที่เราไปด้วยขออนุญาติลงรูปนะคะ เผื่อมาเห็น
เสร็จแล้วเราก็เดินตามป้ายไปค่ะ อาจจะงงๆหน่อยแต่ก็เดินตามเค้าไป
ทางที่เดินเหมือนจะคล้ายร่องน้ำเจอป้ายแล้วก็ถ่ายรูปกันหน่อยครับทางเดินไปป้ายไม่ยาก
มีขึ้นเนินนิดหน่อย แต่พอพ้นป้ายเราจะเจอของจริงแล้ว ไม่น่ากลัวหรอก โกๆๆๆ
เริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางผู้พิชิตยอดเขาช้างเผือกได้ ตอนมาไม่ได้หาข้อมูลมาเลย
ว่าระหว่างทางเป็นไง เดินยากเปล่า ดูแต่รูปที่สันคมมีดมาอย่างเดียว เลยไม่ได้กังวลอะไรเลย 55
ขอแนะนำว่าอย่าเอาแบกของเดินหนักเกินไป เพราะมันจะเป็นอุปสรรคในการเดิน
ถ้าเจอไม้ควรพกติดตัวไปก็ดี ขาขึ้นอาจจะไม่ค่อยใช้ แต่ขาลงมีประโยชน์อยู่นะ
เริ่มเดินระยะแรกๆทางจะไม่ยากมากแต่ที่สังเกตเห็นที่นี่คือบริเวณที่เดินต้นไม้ใหญ่น้อยมาก
หญ้าสูงซะเป็นส่วนใหญ่เลยต้องใส่เสื้อแขนยาวป้องกันแดดและหญ้าบาด
ถ้ามาช่วงปลายฝนต้นหนาวอาจต้องเพิ่มถุงกันปลิงด้วย
ทางระยะแรกมีเดินขึ้นเดินลงบ้างประปราย มีจุดชมวิวตลอดสองข้างทางเป็นช่วงๆ
จนมาถึงจุดพักจุดแรก เพราะเราจะพักกันทุกๆป้าย 555
ในทริปเราเดินช้าเกือบสุดท้ายเพราะแวะถ่ายรูปกับพักบ่อยนี่แหละ
จุดแรก ส้าน คือเจ้าต้นไม้ข้างหลังนี่แหละ และรอบๆก็มองเห็นวิวภูเขาสวยอยู่
พักหลบแดดกินน้ำ ถ่ายรูปสักพักเราก็ออกเดินทางต่อดีกว่า
ทางต่อไปเริ่มเดินขึ้นเยอะแล้วเราออกดินทางสายนิดนึงเริ่มเดินตอน 10 โมงกว่าๆ
แดดเลยค่อนข้างแรง เดินขึ้นเยอะเหนื่อย จะกินน้ำเยอะก็กลัวปวดฉี่
เหมือนชีวิตจะลำบากแต่มันสนุกมากนะ ขาขึ้นนี่ไม่ค่อยคุยกับใครเลย
มีคุยตอนพักบ้าง เพราะเหนื่อย แถมต้องเห็นมายิ้มใส่กล้องอีก
รูปทริปนี้เลยเน้นถ่ายน้องเป็ดแทน เราไม่สู้กล้องแล้ว
ในกรุ๊ปเรามีประมาณ 20 คนเลยมีพี่เจ้าหน้าที่สองคน
คนแรกเดินนำหน้า อีกคนเดินปิดท้าย เราอยู่กับพี่เค้าตลอดจนใกล้ๆจะถึง
เริ่มงงว่าเดินอยู่กับกรุ๊ปไหน ระหว่างเดินขึ้น จะมีสวนกับคนเดินลงบ้าง
เค้าก็จะให้กำลังใจกัน สู้ๆ ข้างบนสวยนะ แต่เราชอบอยู่ประโยคนึง
"เมื่อกี้เดินผ่านจุดที่ท้อแท้มาแล้วนะ ข้างหน้าจะเจอกับจุดสิ้นหวัง สู้ๆน้า"
โอยยยย ได้ยินถึงกับฮาจะอยากเดินต่อเปล่าเนี่ย
บางทางอาจจะค่อนข้างชัน เค้าก็จะมีเชือกไว้ให้ทรงตัว
พอขึ้นไปถึงก็จะเจอวิวสวยๆที่ หุบกระเหรี่ยง
ตรงนี้มองเห็นหมู่บ้านอีต่อง จุดเริ่มต้นที่เราเริ่มเดินด้วย
แต่พยายามส่องแล้วมองไม่เห็นเลย มุมนี้ชมวิวได้รอบๆเลยสวยมาก
แต่พักไม่ได้เพราะไม่มีที่ร่มๆเลย ตัดสินใจถ่ายรูปเสร็จรีบเดินต่อดีกว่า
ทางอาจจะมีเลาะสันเขาบ้างแต่ไม่น่ากลัวเลย แต่ไม่ชอบที่ต้องเดินขึ้นนี่แหละ
บางทีก็เหลือเดินกันอยู่สองคนเพราะแวะเยอะไป คิดในใจว่าถ้าหลงทำไง
แต่ที่เขาช้างเผือกทางเดินจะเห็นค่อนข้างชัดจะเป็นเส้นต่อเนื่องกัน
ถ้าเดินขึ้นก็จะมีร่องเพื่อให้วางเท้าสำหรับปีนขึ้นสะดวก
บางทางก็เป็นแบบปีนหินขึ้นไป ถ้าไม่ถนัดก็ค่อยๆกระดึบก็ได้นะ หินมันไม่คม
ขอแค่มีแรงใจไม่ท้อ ยังไงเราก็ต้องเดินถึง พอมาถึงตรงจุดนี้มันใกล้เที่ยงแล้ว
แอบคิดในใจเค้าพักกินข้าวกันตอนไหน หรือว่าไม่กินกัน ไม่มีที่ร่มๆเลย
จุดหมายตอนนี้ที่ต้องการจะไปให้ถึงก็คือ ที่กินข้าว อยากนั่งพัก
มันเหนื่อยและร้อน มันอ่อนและล้า จนแทบหมดแรง 55
มาถึงจุดเช็คอินถ่ายรูปกัน บริเวณป้ายเขาชะมด
เนื่องจากบริเวณนี้มีชะมดอยู่อาศัยเป็นจำนวนมากนั่นเอง
การเดินไปเขาช้างเผือกคือเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แวะอ่านป้ายกันนิดนึงก็ดีเนอะ
ไปๆเดินกันต่ออีกหน่อย ใกล้ถึงจุดกินข้าวแล้ว
วิวสองข้างทางมีให้ชมตลอดนะ อย่ามัวแต่จ้องจะเดินให้ถึงปลายทางอย่างเดียว
การเดินที่นี่ ถ่ายรูปตรงจุดไหนก็สวย เชื่อเหอะ เพราะได้รูปกลับมาเยอะมาก
ในที่สุดก็ถึงจุดพักกินข้าวประมาณเที่ยงกว่าๆ
นั่งพักเหนื่อย ตรงนี้ที่ร่มๆเยอะ บริเวณดงไผ่ ข้าวที่พี่บีห่อมีอะไรบ้าง
มีไข่ต้มหนึ่งฟอง ข้าวแน่นๆและหมูสวรรค์ คืออะไร ไม่รู้ว่าเหนื่อยหรืออะไรแต่อร่อยดี
เพิ่มเติมพลังบวกกับนั่งพักเสร็จต้องรีบไปต่อดีกว่า อยากไปนอนพักแล้ว
เพราะเมื่อคืนนอนในรถไม่ค่อยหลับเลย เดี๋ยวต้องขึ้นสันคมมีดอีก
เหลือข้ามเขาอีกไม่กี่ลูกเนอะ ในใจก็คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงเต้นท์ซักทีน้า
เหนื่อยแล้วน้า เริ่มงอแงแล้วด้วย แต่ตอนนี้กลับตัวก็ไม่ได้
ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง นั่งพักถี่มากเจอร่มเมื่อไหร่พักเมื่อนั้น
ใจก็กลัวไปถึงช้ากว่าคนอื่นแล้วจะถ่วงกรุ๊ป แต่ไม่อยากฝืนร่างกาย
ช่วงปลายๆเดินขึ้นเยอะมาก ต้องลุ้นตัวเองก้าวต่อก้าวเลยทีเดียว
ระหว่างทางอาจจะเจอลูกหาบแบกของแซงบ้าง เขาจะมีวิธีแซงของเขา
ไม่ต้องกดดันนะ เขาจะพยายามให้เราเดินก่อน ลูกหาบที่นี่ใส่แตะเดินด้วย
สงสัยมากเดินไงไม่ให้ลื่น แต่เค้าคงเดินกันจนชินแล้วเนอะ เก่งจัง
มาถึงจุดสุดท้ายก่อนจะถึงที่พัก เขาช้างน้อย ตรงนี้โหดนิดนึงคือต้องเดินข้ามเขาสองลูก
และไม่มีที่ร่มๆให้พักเลย เป็นทุ่งหญ้าพริ้วๆ ถ่ายรูปสวยดีนะ
ในใจคิดว่า อีกสองลูกเองก็ถึงแล้ว แต่หารู้ไม่ สองลูกนี่มันช่างยาวนาน
มันเดินขึ้นสูงติดกันเยอะไป แต่เราก็ก้าวผ่านมันมาได้จนถึงจุดสุดท้าย
เห็นลานกางเต้นท์เขาช้างเผือกไกลๆแล้ว เดินลงตรงนี้เสร็จก็ได้พักแล้ว
ทางลงค่อนข้างชันนิดนึง ค่อยๆไต่ลงระวังลื่น มีเชือกช่วยได้อยู่
เดินนี่เราลื่นไปสองที ดีนะไม่เป็นอะไรมาก เพราะปกติเดินพื้นเรียบยังสะดุดฝุ่นเลย
ในที่สุดเราก็เดินถึงพื้นราบ โดยได้รับการต้อนรับจากกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากส้วมหลุมสามห้อง
เราลองเข้ามาแล้วสองทีตอนเย็นกลิ่นแรง ตอนเช้าลมแรงจะไม่ค่อยมีกลิ่น
สำรวจพื้นก้อนเข้าใช้งาน เพราะบางคนก็หย่อนไม่ตรงรู 555
ใช้งานอย่างระวังหรือไม่ก็เข้าป่านะจ๊ะ
พอถึงเต้นท์ก็สลบทันทีรอไปขึ้นสันคมมีดประมาณสี่โมงเย็น
ใช้เวลาเดินทางจากบ้านอีต่องถึงลานกลางเต้นท์ประมาณสี่ชั่วโมงกว่าๆ
นอนพักแปบ เตรียมตัวปีนเขาอีกรอบ
เมื่อถึงเวลาจะมีคนเรียกเราตื่นช้าสุด ไปเข้าห้องน้ำอีกขึ้นเกือบท้ายๆไม่เจอคนในทริปเลย
ตรงทางขึ้นไปจุดสูงสุดมันสูงมากเลยนะ ตอนเราค่อยๆปีนขึ้นไปแล้วมองข้างล่างด้วย
ใจมันหวิวๆไงไม่รู้ แอบคิดว่าตกไปทำไง จะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่จริงๆหรอ
ทางจะเดินขึ้นได้ทีละคนเท่านั้น ค่อนข้างแคบ
มีสลับกับการปีนหินเป็นบางช่วง เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ นี่ปวดขายังไม่หายเลย
เหมือนพักผ่อนไม่เพียงพอ เดินช้าก็กดดันอีก คนรอเดินขึ้นต่อเราก็มี
พอขึ้นไปถึงข้างบนแฃ้วมองลงมา โหมันสูงมาก แต่ตรงนี้ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของเขาช้างเผือกนะ
มันต้องผ่านอีกหลายจุดกว่าจะถึงจุดนั้นเราต้องสู้ต่อไปเพื่อเป็นผู้พิชิตยอดเขาช้างเผือกให้ได้
มีเพื่อนสี่ขาเดินแซงเราด้วยนะแสบมาก มีหันมาเยาะเย้ยเบาๆว่าเดินไม่ไหวหล่ะสิ
เราจะอายหมาไม่ได้ มันก็ต้องเดินขึ้นต่อไป
ตรงนี้คือบริเวณสันคมมีด จะขึ้นค่อนข้างลำบากนิดนึง
จะมีพี่เจ้าหน้าที่คอยดูแลช่วยอยู่ไม่ต้องกลัว เพียงแค่จับเชือกให้มั่น ก้าวขาให้สูง
เมื่อวางเท้าถูกที่แล้วก็ดันตัวเองขึ้นไป ดีนะเด็กๆปีนต้นไม้บ่อย เลยขึ้นสบายมาก
ถัดจากสันคมมีดมาแล้วก็ปีนข้ามเขาแล้วสไลด์ลงมาอีกลูกก็ใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว ซักที!
จุดสุดท้ายครับผม ขึ้นเนินนี้ พี่ก็จะเป็นผู้พิชิตจุดสูงสุดเขาช้างเผือกแล้ว
เอ้าไต่เชือกขึ้นไป ฮึบๆในที่สุดก็ถึงแล้วคร้าบบบผม ภารกิจพิชิตยอด สำเร็จ เย้!
ถ่ายรูปกับป้ายเป็นที่ระลึกหน่อย นี่เป็นการเดินป่า ปีนเขาคร้งแรกในชีวิต
ไม่นับภูกระดึง หรือว่าภูกระดึงก็นับนะ งั้นเป็นครั้งที่สองก็แล้วกันเนอะ
สันเขาลูกข้างหลัง ชื่อช้างพลาย พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าตอนนี้สำรวจมาสองปีแล้ว
ไม่แน่อาจจะเปิดในอีกเร็วๆนี้ก็ได้ แต่เดินไปยากกว่าเดิมอาจมีห้อยโหนบ้าง
และต้องพักบนช้างเผือกสองคืน เพราะคงเดินไปกลับไม่ทัน
ถ้าเปิดจริงคงมีโอกาสได้กลับไปเจอกันใหม่เนอะ
เก็บบรรยากาศเป็นยอดสักพัก พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกเวลาว่าลงได้แล้ว หน้าหนาวมืดไว
ลงช้าจะอันตราย ต้องเชื่อพี่เค้านะคะ ตอนลงเราจะเห็นพระอาทิตย์ตกพอดี สวยมากก
รูปขวาล่างจะเห็นความกว้างตรงสันคมมีดและเชือกที่ใช้จับทางมันแคบมาก
และเชือกที่นี่ค่อนข้างต่ำ คือใครกล้าก็เดิน ใครกลัวก็คลานหรือไม่ก็กระดึ๊บๆไปนะจ๊ะ
ช่วงระหว่างรอหลังตอนนี้ถ่ายรูปเยอะมากเนื่องจากลงพร้อมกันแล้วต้องรอคิวจะมีช่วงติดบ้าง
เลยเก็บบรรยากาศพลางๆ ตอนนี้กล้องใหญ่ล้มบนจุดสูงสุดเลนส์กระแทกพื้นพังไปแล้ว
รูปหลังจากนี้จะเป็นรูปจากกล้องไอโฟนทั้งหมดนะคะ วันเสาร์อาทิตย์คนก็จะเยอะนิดนึงเนอะ
ใครอยากถ่ายรูปนานๆก็มาวันธรรมดาน่าจะโอเค
พอลงมาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเตรียมกินข้าว ตอนเย็นมีหมูกระทะครับ
เปรมมาก มีข้าวสวยกับไวไว น้ำจิ้มสุกี้ ฟินเลยทีเดียว
อากาศเริ่มหนาวแล้วด้วย ตอนกินเลยได้คุยกับเพื่อนในทริปเยอะขึ้น
สนุกเฮฮาดี พอทานเสร็จก็แยกย้ายไปนอน เพราะลมเริ่มแรงเราอยู่ไม่ไหว ลมแรงมากทั้งคืน
พอรุ่งเช้า เราก็มีข้าวต้มร้อนๆทาน โคตรรู้สึกดี กินเยอะๆจะได้มีแรงเดินลง
พระอาทิตย์เช้านี้ขึ้นเป็นไข่แดงเชียว พอทำนู่นนี่เสร็จก็เก็บของ
เตรียมตัวเดินลง แต่เช้านี้ลมก็ยังแรงอยู่เพราะบริเวณนี้เป็นช่องลมด้วย
เดินลงไปลมแรงไปกลัวปลิวมาก ทั้งหนาว ตื่นมาปวดขา ลมแรงอีก
ธรรมชาติช่างทำร้ายพี่ซะเหลือเกิน จะใส่หมวกบังแดดก็กลัวหมวกปลิว
ต้องรีบเดินลงให้เร็วที่่สุด ตอนนี้คิดถึงบ้านมาก อยากอาบน้ำ
อยากนอนเตียงนุ่มๆ 555 ขากลับจะเดินค่อนข้างเร็ว เพราะมีแต่ทางลงด้วย
แล้วเพราะว่าเราชินทางแล้วด้วย
ขากลับใช้เวลาเดินถึงบ้านอีต่องสองชั่วโมงนิดๆ
ระหว่างทางกลับเราก็ให้กำลังใจคนที่เดินสวนขึ้นไป รู้สึกดีนะ
มันต้องการกำลังใจอยู่นะ ใจล้วนๆเลยเพื่อเดินไปให้ถึงจุดสุดท้ายให้ได้
พอลงมาถึงที่พักระหว่างรออาบน้ำก็กินข้าวรอ อร่อยอิ่มเติมได้ไม่อั้นอีกต่างหากดีจัง
น้ำที่บ้านอีต่องเย็นมาก แต่ถึงจะเย็นขนาดไหนพี่ก็จะอาบน้ำ อาบแล้วรู้สึกดีสุดๆ
นี่คือการมาเที่ยวหน้าสดครั้งแรกในชีวิต ตอนนี้ตั้งตารอการเดินป่าครั้งต่อไปแล้ว
เริ่มติดใจแล้วตอนนี้มีแรงเดินไหวก็อยากไปเที่ยวให้เยอะที่สุดจะได้ไม่เสียดายเนอะ
นี่คือโฉมหน้าผู้พิชิตจุดสูงสุดยอดเขาช้างเผือก
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะถึงแม้บางคนจะไม่ได้คุยกันก็ตาม
ไว้มีโอกาสครั้งหน้าจะได้ร่วมทริปกันใหม่
เพื่อนๆคนไหนสนใจ มีแรงรีบเที่ยวที่แบบนี้กันนะ ธรรมชาติเมืองไทยสวยที่สุดในโลกแล้ว
ไปเที่ยวก็อย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะคะได้มีป่าให้เดินกันนานๆ
ดูรูป เขาช้างเผือก เพิ่มเติม ที่นี่
วันที่เดินทาง : 18-01-2015 (ฤดูหนาว)
ปิล๊อก กาญจนะบุรี
โพสเมื่อ : 2015-01-23 06:16:26