รีวิว โรงแรม บัดดี้ โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ ปากเกร็ด พักผ่อน หย่อนกาย ริมแม่น้ำ สไตล์โคโลเนียลไทย
Review Buddy Oriental Riverside Hotel Pakkred Nonthaburi
:: อ่านรีวิวร้านอาหารสองฝั่งคลอง โรงแรมบัดดี้ โอเรียนทอล ปากเกร็ด ::
อาทิตย์นี้อากาศดีๆฝนไม่ตกแล้ว เลยเปลี่ยนบรรยากาศมานอนชมวิว
ทานอาหารริมน้ำซะหน่อย วันนี้เรามาพักกันไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพ
ที่โรงแรมบัดดี้ โอเรนทอล ปากเกร็ด นนทบุรี เดินทางสะดวก ที่จอดรถเยอะ
เพราะที่นี่มีทั้งรับจัดงานแต่ง และสัมมนา แต่ตอนมาพักก็ไม่วุ่นวายนะ
เงียบสงบ สบาย เพราะเค้าแยกเป็นสัดส่วน ไม่มารบกวนแขกที่มาพักที่โรงแรม
ตามไปดูรีวิวกันดีกว่า ว่าจะสวยและน่ามานอนแค่ไหน
เมื่อเดินมาถึงสิ่งแรกที่จะเห็นเลยคือวงเวียนน้ำพุครับ
ให้เดินเข้าไปใต้ตึกได้เลยครับ จะเจอแผนกต้อนรับคอยให้บริการอยู่ริมสระว่ายน้ำ
บรรยากาศล็อบบี้ที่นี่ไม่ได้ติดแอร์ แต่ด้วยการออกแบบที่ดี ทำให้ลมเย็น โปร่งสบาย
ถ้าเป็นช่วงคนเข้าพักเยอะ อาจจะต้องนั่งรอสักครู่นะครับ
หลังจากที่เราติดต่อห้องพัก เซ็นต์ชื่อเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีพนักงาน
คอยถือกระเป๋าและพาเราขึ้นลิฟต์ไปส่งที่ห้องครับ
ห้องพักที่นี่จะมีสามแบบนะครับ ถ้าจำไม่ผิด ห้องใหญ่สุดอยู่ตรงป้อมปราการริมแม่น้ำ
ป้อมปราการชื่อว่า ป้อมสิริเจ้าพระยา ซึ่งสร้างจำลองมาจากป้อมพระสุเมรุนั่นเอง
ห้องนี้จะแพงที่สุดครับ แต่เราไม่มีโอกาสเก็บรูปมาฝากกัน เพราะมีคนพักอยู่ครับ
ส่วนห้องอีกสองแบบจะอยู่ในอาคารสามชั้นที่เดียวกับล็อบบี้ครับ แบบที่สองจะแพงกว่า
เพราะเห็นวิวสระว่ายน้ำและแม่น้ำเจ้าพระยาครับ ส่วนแบบที่สามห้องจะเหมือนแบบที่สอง
แต่วิวหน้าหน้าต่างจะเป็นวิวสวนครับ แล้วแต่ฝั่งที่เข้าพักด้วยครับ
ระหว่างทางเดินไปที่ห้อง เราจะสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำได้จากตรงกลาง
ลูกค้าสามารถมาเล่นได้ทุกห้องเลยครับ มีผ้าเช็ดตัววางไว้ให้พร้อมเลย
ถ้าใครไม่สะดวกขึ้นลิฟต์ก็สามารถใช้บันไดใกล้ๆลิฟต์ได้นะครับ
ไฟตรงบันไดสวยครับ แวะถ่ายรูปแบบนู๋แอมได้เลย
คราวนี้เรามาดูในห้องพักกันบ้างดีกว่า เราจะได้รับคีย์การ์ดไว้เปิดแระตูและเสียบในห้องมา
วันนี้ห้องเราคือห้องแบบธรรมดาครับ วิวสวน เป็นเตียงคู่ ตกแต่งสไตล์โคโลเนียลไทย
ผ้าเช็ดตัวที่นี่ทำเป็นรูปช้างครับ คลาสสิกดีทีเดียว ห้องโปร่ง สะอาด ไม่มีกลิ่นอับกลิ่นเก่าเลย
ผ้าม่านเป็นแบบรูดเอานะครับ มีระเบียง สามารถออกไปสูดอากาศข้างนอกได้
แต่ห้ามสูบบุหรี่ในห้องนะครับ ทีวีมีดิจิตอลทีวีแล้วและมีช่องเคเบิ้ลอีกเล็กน้อย
มุมอ่านหนังสือก็มีให้ครับ ถ้าเราสังเกตุจะเห็นว่าข้าวของเครื่องใช้ในห้องจะดูเก่าๆคลาสสิก
ตอนแรกแอบกลัวในใจเล็กๆ แต่หลังจากที่สอบถามได้ใจความว่า ของทุกอย่างเป็นของใหม่
แต่ตั้งใจเอามาทำให้เก่าเพื่อนำมาตกแต่งให้เข้ากับห้องแต่ละห้องครับ สบายใจได้
แอร์เป็นแบบฝังครับ ปรับง่าย เพิ่มลดอุณหภูมิได้เอง เสียงเงียบ
เตียงนุ่ม สะอาด แต่หมอนมีให้เตียงละหนึ่งใบเล็กหนึ่งใบใหญ่ น่าจะมีให้อีกสักไป ไว้นอนดูทีวี
พวกอาหารทานเล่น หรือมีนิบาร์มีให้ในห้อง ราคามีบอกไว้ชัดเจนครับ
ใครอยากทานอะไร ตามใจชอบเลยครับ มีน้ำเปล่าให้ฟรีสองขวดครับ
ตรงข้างๆตู้เสื้อผ้าจะมีตู้เย็น ตู้เซฟ กาน้ำร้อน รองเท้าแตะให้พร้อมเลยครับ
ตู้เซฟใช้งานไม่ยาก แต่คู่มือเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าสงสัย ให้สอบถามพนักงานตั้งแต่
ตอนที่เค้ามาส่งเราที่ห้องเลยก็ได้ครับ เค้าจะได้อธิบายเราได้สะดวกๆ
ห้องน้ำแบ่งสัดส่วนไว้ด้วยบานประตูกระจกครับ น้ำไม่กระเด็นออกมาเละพื้น
มี สบู่ ,ชาวเวอร์ เจล ,แชมพู, คอนดิชั่นเนอร์,หมวกคลุมผม,คัตตอนบัด,ไดร์เป่าผม,เครื่องทำน้ำอุ่น
คราวนี้เราออกมาจากห้องมาเดินชมโรงแรมกันรอบๆดีกว่าครับ
เมื่อลงมาชั้นหนึ่งฝั่งแม่น้ำ เราจะเจอห้องอาหารอิตาเลียน Pazzo Italian Restaurant
และยังมี wine & Cigar Bar ให้ได้นั่งตากแอร์จิบไวน์ด้วยครับ
พอเราเดินต่อมาอีกนิด เราจะเจอห้องพระด้วยครับ ไม่ลืมที่จะแวะไหว้พระ
ใกล้ๆกันจะมีห้องสปา แต่วันที่เราไปเค้าปิดซ่อมเลยไม่ได้ลองใช้บริการเลยครับ
ข้างๆห้องพระจะมีคอลเล็กชั่นของสะสมเก่าๆให้ได้ชมด้วยครับ
ตามคอนเซปของโรงแรมนี้คือ Art Gallery Riverside Hotel
ระหว่างที่เรากำลังจะเดินไปอีกฝั่งของโรงแรม ดันมาสะดุดตากับการละเล่นของเด็กไทย
อยู่ที่ริมกำแพง เลยแวะถ่ายรูปเก็บมาฝากครับ ทำสวยดี
อีกฝั่งของโรงแรม ที่อยู่ตรงข้ามร้านอาหารอิตาเลียน ก็มีมุมนั่งอ่านหนังสือเย็นๆให้ด้วยครับ
สามารถแวะมาถ่ายรูปคู่ แบคกาวน์สวยๆกันได้ ถ้าใครมาสวีทกับแฟนนะครับ
คราวนี้เราเดินต่อไป จะมีทางเชื่อมออกไปด้านนอก
ทางที่เราจะเดินไปนี้จะมีห้องจัดเลี้ยง ห้องจัดงานแต่งงาน หรือห้องสัมมนาครับ
ห้องห้องแต่ละห้องจะมีป้ายชื่อบอก มีห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วนให้ด้วย
เท่าที่จำชื่อได้ก็จะมีห้องสิริประภานี่แหละครับ มีฉากแบ็คดรอปให้ด้วย
น่าจะเอาไว้จัดงานแต่งงาน หรืองานอะไรสักอย่าง
เราเดินชมวิวชมสวนมาเรื่อยๆ อากาศไม่ร้อน ลมเย็นเหมือนฝนจะตก
แต่เราก้อยังไม่วายที่จะเดินสำรวจไปเรื่อยเปื่อยครับ
สุดท้ายเราแอบเปิดประตูไปถ่ายภาพมาได้ห้องนึงครับ
เท่าที่ดู เหมือนจะจัดงานแต่งงานพิธีเช้าครับ ใครกำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งงาน
ผมว่าที่นี่ก็เป็นอีกที่นึงครับ ที่น่าสนใจ ริมแม่น้ำ ริมสระว่ายน้ำ ลองสอบถามราคาดูครับ
เราเดินออกมาจนมาทะลุถนนอีกฝั่งที่เราเข้ามา เรามาสะดุดตากับสะพานนี้ครับ
ทำให้นึกได้ว่า ที่นี่เป็นที่ที่ถ่ายทำละครเรื่องแรงเงา ช่องสามนั่นเอง ที่เจนนี่ รับบทเป็นมุนินและมุตา
เราเดินข้ามถนนต่อมาอีก ทำให้ได้เห็นว่าที่ โรงแรม บัดดี้ โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ ปากเกร็ด
มีสนามเทนนิสไว้คอยให้บริการลูกค้าอีกด้วย แต่เราไม่ได้สอบถามราคาหรือเรื่องไม้มาเลย
ถ้ารู้เรื่องรายละเอียดแล้วจะมาอัพเดทให้นะครับ
สำหรับกีฬาทางน้ำ ที่นี่มีให้เช่าเจ็ตสกีขับเล่นในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยนะครับ
เห็นคนขับกันสนุกสนานแล้วอยากชับบ้าง แต่ดันว่ายน้ำไม่เป็นนี่สิครับ อดเลย
ตรงนี้เป็นทางเชื่อมระหว่างโรงแรมกับร้านอาหารสองฝั่งคลองครับ
เป็นร้านอาหารริมน้ำ สามารถอ่านรีวิว ได้ที่นี่เลยครับ
:: อ่านรีวิวร้านอาหารสองฝั่งคลอง โรงแรมบัดดี้ โอเรียนทอล ปากเกร็ด ::
ทีนี้เราก็เดินมาถึงป้อมสิริเจ้าพระยาสักที หลังจากเดินไปจนทั่วแล้ว
ที่ป้อมนี้จะมีห้องพักแบบพิเศษอยู่ด้วยครับ อยู่ในป้อมเลย น่าลองพักมากเลยครับ
น่าจะเป็นห้องสวีท เพราะราคาแพงที่สุดเลย ข้างๆห้องพักเป็นสระว่ายน้ำค่อนข้างส่วนตัวเลย
ด้านล่างของป้อมก็มีโต๊ะเก้าอี้ให้ได้นั่งชิล ชมวิวริมน้ำด้วย
สามารถนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ตรงนี้ได้ด้วยนะครับ ถ้ามาเวลาดีๆและฟ้าเปิด
จากภาพด่านล่าง หลังคายาวๆเขียวๆคือตัวโรงแรมใหญ่ที่เราพักครับ
ส่วนป้อมวงกลมจะมีห้องสวีทอย่างที่บอกครับ ด้านขวามือจะมีสระว่ายน้ำที่สามารถ
มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วย โดยที่ตัวโรงแรมใหญ่ ก็มีทางเดินทะลุมาที่สระว่ายน้ำนี้ได้ด้วย
ทางเดินเชื่อมจะอยู่ที่ชั้นสองของอาคารใหญ่ครับ มีผ้าเช็ดตัวเตรียมไว้ให้ด้วย
ตรงสระว่ายน้ำนี้ผมว่าควรจะสอบถามกับพนักงานก่อนก็ดีครับ เพราะบางวันจะมี
การจัดงานแต่งงานริมสระว่ายน้ำนี้ เหมือนวันที่เราไปพัก ทำให้เราไปเล่นน้ำตรงนี้ไม่ได้
แต่งานแต่งริมสระน้ำ วิวแม่น้ำเจ้าพระยา มันสวยมากเลยครับ ไม่กล้าไปถ่ายรูปมา
สรุปโดยรวมสำหรับการมาพักผ่อนที่นี่ ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาครับกับโรงแรมระดับนี้
ห้องสะอาดทั้งห้อง ไม่มีกลิ่นเหมือนอับ หมอนไม่เหม็น ห้องน้ำสะอาด
ว่างๆใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาพักผ่อนไม่ไกลกรุงเทพ ที่นี่เป็นอีกที่ ที่แนะนำเลยครับ
สำหรับอาหารเช้าแจ้งเบอร์ห้อแล้วทานได้เลยครับ
อาหารจะเหมือนโรงแรมทั่วไปครับ ไข่หลายๆแบบ ขนมปัง อาหารไทย ข้าวต้ม ไส้กรอก
แฮม สลัด ชา กาแฟ น้ำส้ม น้ำแอปเปิ้ล ทานที่ร้านอาหารสองฝั่งคลองฝั่งตรงข้ามครับ
เวลาทานอาการเช้า ถ้าจำไม่ผิด 06.00 - 10.00 น. ครับ
ทิ้งท้ายไว้ด้วยภาพบรรยากาศโรงแรมตอนค่ำคืนครับ
สวย วิวดี ลมเย็น โรแมนติก ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ละกันนะครับ
ขอบคุณครับ แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้านะค้าบบบ
แผนที่และวิธีการเดินทางมาที่
โรงแรม บัดดี้ โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ ปากเกร็ด
การเดินทาง
ขอบคุณแผนที่และวิธีการเดินทางจาก buddygroupthailand.blogspot.com
วันที่เดินทาง : 08-11-2014 (ฤดูหนาว)
17/56 หมู่ 7 ซอย สุขาประชาสรรค์ 2 (ซอย 25) สุขาประชาสรรค์ 2 บางพูด ปากเกร็ด นนทบุรี
17/55 Moo 7 Sukhaprachasan 2, Bangpood Pakkred Nonthaburi 11120 Thailand
โพสเมื่อ : 2014-11-12 10:32:28